security

ระบบรักษาความปลอดภัย หรือ Home security คืออะไรนะ?

ระบบรักษาความปลอดภัย

ภายในบ้านมักเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันได้เสมอ เมื่อบ้านจากหยาดเหงื่อแรงกาย ซึ่งเราก็ควรตระหนักเรื่องความปลอดภัยเป็นสำคัญด้วย! ถ้าพึ่ง รปภ. ไหวไหม…บางคนติดเหล็กดัด ทำรั้วสูง บ้างเลี้ยงสุนัขตัวโตพันธ์ดุ สิ่งเหล่านี้ช่วยรักษาความปลอดภัยได้ระดับหนึ่ง แต่ยังไม่ดีพอ เพราะล้วนแล้วแต่มีจุดอ่อน ไหนจะภัยจากเพลิงไหม้อีก เงินทองที่ต้องจ่ายเพิ่มต่อเดือน โอยยย งั้นเรามารู้จักวิธีรักษาความปลอดภัยภายในบ้านที่ให้ผลกว่ายาม เหล็กดัด และสุนัขกันดีกว่า แถมไม่ต้องจ่ายรายเดือนด้วย

เดี๋ยวนี้มีชุดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ที่เรียกว่า Home Security System หรือ ระบบรักษาความปลอดภัย ที่วางระบบรักษาความปลอดภัยภายในบ้านไว้อย่างครบวงจร มีอุปกรณ์เสริมอำนวยความสะดวกให้ชีวิตในบ้านง่ายยิ่งขึ้น เริ่มจาก ระบบรักษาความปลอดภัย ป้องกันการบุกรุก และเพลิงไหม้

ระบบนี้ประกอบด้วย ชุดควบคุมหลักซึ่งเป็นตัวรับสัญญาณจากอุปกรณ์ตรวจจับต่างๆ โดยต่อพ่วงกับโทรศัพท์บ้าน เมื่อได้รับสัญญาณความผิดปกติ ชุดควบคุมนี้จะโทรออกอัตโนมัติ เพื่อแจ้งเหตุไปยังเบอร์ที่กำหนดไว้ โดยทั่วไปจะโทรออกได้ 4-8 หมายเลข เราอาจกำหนดให้โทรเข้ามือถือตัวเอง บ้านเพื่อนสนิท สถานีตำรวจ ศูนย์รับแจ้งเหตุของผู้ให้บริการหรือโรงพยาบาล ดังนั้นไม่ว่าคุณอยู่ที่ไหน ก็รับรู้ถึงสิ่งผิดปกติและป้องกันได้ทันท่วงที (อุปกรณ์ควบคุมจะให้เราบันทึกเสียงแจ้งเหตุต่างๆ เช่น มีผู้บุกรุก ไฟไหม้ เกิดอุบัติเหตุ เมื่อเครื่องตรวจพบจะโทรแจ้งตามเหตุนั้น ส่วนกรณีอุบัติเหตุ เราสามารถกดปุ่มฉุกเฉินแจ้งโรงพยาบาลได้ทันที)

ทั้งนี้อาจติดไซเรนเป็นอุปกรณ์เสริมให้ส่งเสียงเตือนอีกแรงก็ได้ แล้วยังสารพันเครื่องมือ อุปกรณ์ต่อพ่วงป้องกันการบุกรุก ได้แก่ อุปกรณ์ตรวจจับความเคลื่อนไหว (Motion Detector) มีไว้หน้าบ้าน หลังบ้านอย่างละตัว ระยะการตรวจจับที่ 5-10 เมตร รัศมี 120-150 องศา และ ชุดแม่เหล็กป้องกันการงัดแงะประตูหน้าต่าง (Magnetic Sensor) ตัวนี้ควรติดประตูหน้าต่างให้ครบทุกบาน อุปกรณ์ 2 ชุดนี้จะช่วยกันทำงาน ถ้ามีการผ่านเข้ามาหรือมีการงัดแงะ ทุบ ทำลายประตู หน้าต่าง จะส่งสัญญาณไปยังอุปกรณ์ควบคุมหลักทันที

ส่วนอุปกรณ์ต่อพ่วงที่ป้องกันเพลิงไหม้ ประกอบด้วย อุปกรณ์ตรวจจับก๊าซ (Gas Detector) อุปกรณ์ตรวจจับควัน (Smoke Detector) อุปกรณ์จับความร้อน (Heat Detector) ช่วยให้อุ่นใจสำหรับอากาศที่ร้อนขึ้นอย่างทุกวันนี้

Credit : เว็บไซต์ arm.co.th